Sสัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อรรถพล ใหญ่สว่าง
คำอธิบาย วิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อรรถพล ใหญ่สว่าง
ผู้แต่ง : อรรถพล ใหญ่สว่าง
ปีที่พิมพ์: ครั้งที่ 8 : 2566
จำนวนหน้า: หน้า
ขนาด : มาตราฐาน 18.5x26
รูปแบบ : ปกอ่อน
9786164040878
คำนิยม
s
ตำราคำอธิบาย วิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเขียนโดยท่านอาจารย์อรรถพล ใหญ่สว่าง เล่มนี้เป็นงานเขียนทางวิชาการที่มีการกำหนดประเด็นการอธิบายและวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอย่างชัดเจนตามหลักวิชาการโดยมีการสำรวจวรรณกรรมคำพิพากษาศาลฎีกา คำสั่งคำร้องศาลฎีกา ประกาศตลอดจนหนังสือเวียนต่าง ๆเพื่อสนับสนุนจนสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบอีกทั้งได้แสดงทัศนะทางวิชาการได้อย่างชัดเจนมีการอ้างอิงและบรรณานุกรมที่ครบถ้วนและสมบูรณ์มีแนวคิดและการนำเสนอที่ทันสมัยอันเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการผู้อ่านสามารถอ่านและทำความเข้าใจในสาระของตำราเล่มนี้ด้วยตนเองได้ซึ่งสอดคล้องและเป็นไปตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาที่มุ่งเน้นเพื่อให้นักศึกษาซึ่งสำเร็จการศึกษากฎหมายในระดับมหาวิทยาลัยแล้วสามารถนำความรู้ทางกฎหมายไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
s
ปัจจุบันท่านอาจารย์อรรถพล ใหญ่สว่าง เป็นอาจารย์ผู้บรรยาย วิชาสัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาคปกติ สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและได้มอบให้ทางสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาเป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์คำอธิบาย วิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เล่มนี้เป็นครั้งที่ 5 เพื่อเป็นตำราเรียนประกอบการสอนทั้งแก่นักศึกษาและบุคคลที่ให้ความสนใจ
s
สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาจึงขอขอบพระคุณท่าน อาจารย์อรรถพล ใหญ่สว่าง ที่ได้กรุณาอุทิศเวลาให้แก่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาหวังว่าตำราคำอธิบาย วิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ในการค้นคว้าของบรรดาสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา นิสิต นักศึกษาและท่านผู้สนใจในวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาทุกท่าน
s
คำนำ
พิมพ์ครั้งที่ 5
s
ด้วยหลักสูตรการเรียนการสอนของสำนักอบรมศึกษากฏหมายแห่งเนติบัญฑิตยสภาภาคสอง ได้จัดให้มีการบรรยาย วิชา สัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาทั้งในภาคปกติและภาคค่ำ อันเป็นการศึกษาปัญหาในกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตั้งแต่บทบัญญัติว่าด้วยหลักทั่วไป อำนาจพนักงานสอบสวนและศาลการฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หมายเรียกและหมายอาญา การจับ ขัง จำคุก ค้น ปล่อยชั่วคราวและ การสอบสวน ตลอดจนบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกา พยานหลักฐาน การบังคับตามคำพิพากษาและค่าธรรมเนียม อภัยโทษ เปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาและลดโทษโดยวิเคราะห์หลักกฎหมาย ทฤษฎีและคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อสามารถปรับใช้บทบัญญัติของกฎหมายได้ในเชิงปฏิบัติ
ผู้เขียนจึงจัดทำตำราคำอธิบาย วิชาสัมมนากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่เล่มนี้ขึ้นเพื่อเป็นตำราเรียนประกอบการสอนของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและเพื่อเป็นตำราเผยแพร่ความรู้ให้แก่นักศึกษาและบุคคลที่ให้ความสนใจโดยมอบให้ทางสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาเป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์ครั้งนี้จึงขอขอบคุณสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ไว้ ณ ที่นี้
สารบัญ
บทนำ
ขั้นตอนที่ 1 กระบวนการก่อนฟ้องคดี
บทที่
1 คำร้องทุกข์และคำกล่าวโทษ
1.กรณีคำร้องทุกข์
ข้อหนึ่ง.ผู้ร้องทุกข์ต้องเป็นผู้เสียหาย
ข้อสอง. ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่
ข้อสาม. จะต้องมีการกล่าวหาว่ามีการกระทำผิดทางอาญา
ข้อสี่. ผู้เสียหายมีเจตนาให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ
ประเด็นปัญหาต่างๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับคำร้องทุกข์
1.การร้องทุกข์ไม่ถือว่าเป็นนิติกรรม
2. ผู้เยาว์มีสิทธิร้องทุกข์ด้วยตนเองได้
3.การร้องทุกข์นั้นย่อมมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนกันได้
4.การมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนไม่ต้องทำเป็นหนังสือก็ได้
5.การมอบอำนาจช่วงให้ร้องทุกข์มีได้
6. ลักษณะของคำร้องทุกข์ตามระเบียบ
7.บุคคลที่จะรับคำร้องทุกข์
8. การแก้คำร้องทุกข์
9.การถอนคำร้องทุกข์
2.กรณีคำกล่าวโทษ
2 ผู้เสียหาย
1.องค์ประกอบของผู้เสียหาย
2. บุคคลที่รับความเสียหายโดยแท้จริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2 (4)
ข้อหนึ่ง. ต้องมีการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งทางอาญาเกิดขึ้น
ข้อสอง. บุคคลนั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดนั้น
(ต้องเป็นผู้เสียหายโดยพฤตินัย)
ข้อสาม. บุคคลนั้นจะต้องไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
(ต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย)
3. บุคคลผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ.มาตรา 45 และ 6
กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา4
กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 5 (1)
กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 5 (2)
กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 5 (3)
กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 6
4. กรณีผู้เสียหายตายก่อนร้องทุกข์
ความผิดอาญาซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตาย
ความผิดฐานหมิ่นประมาท
5.กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย
3 บุคคลที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญา
1. พนักงานอัยการ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 28 (1)
2. ผู้เสียหาย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 28 (2)
2.1 อำนาจฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการและผู้เสียหาย
2.2 การฟ้องคดีอาญามีการมอบอำนาจได้
2.3 ผู้เยาว์ฟ้องคดีอาญาโดยลำพังไม่ได้
กระบวนการดำเนินคดีอาญา : กรณีผู้เสียหายฟ้องคดีอาญา
กระบวนการดำเนินคดีอาญา : กรณีพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญา
4 กรณีผู้เสียหายยื่นฟ้องแล้วตายลง
1. กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 29 วรรคแรก
2. กรณีตาม ป.วิ.อ.มาตรา 29 วรรคสอง
5การยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์
กรณีแรก : ผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 30
กรณีที่สอง : พนักงานอัยการเข้าร่วมเป็นโจทก์กับผู้เสียหาย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 31
กรณีที่สาม : ระยะเวลายื่นคำขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 30 มาตรา 31
กรณีที่สี่ : อำนาจของพนักงานอัยการ เมื่อผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์
กับพนักงานอัยการตาม ป.วิ.อ.มารตรา 32
6 กรณีที่ผู้เสียหายและพนักงานอัยการต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นเดียวก