Sคำอธิบายกฎหมายครอบครัว ประสพสุข บุญเดช
Sคำอธิบายกฎหมายครอบครัว ประสพสุข บุญเดช
ผู้แต่ง : ประสพสุข บุญเดช
ปีที่พิมพ์: ครั้งที่ 26 : 2565
จำนวนหน้า: 895 หน้า
ขนาด : 18.5x26 ซม.(T)
รูปแบบ : ปกอ่อน
9786164041097
s
สารบัญ
บทที่ ๑ การใช้บังคับกฎหมายครอบครัว
๑. กฎหมายลักษณะผัวเมีย
๒. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ เดิม
๓. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ใหม่
๔. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่แก้ไขในปี ๒๕๓๓
๕. สถานะของครอบครัวตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้
๕.๑ สามีภริยาตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย
๕.๒ สามีภริยาตามบรรพ ๕ เก่า
๕.๓ สามีภริยาตามบรรพ ๕ ใหม่
๕.๔ สามีภริยาตามบรรพ ๕ ปัจจุบัน
๖. การใช้กฎหมายอิสลามเกี่ยวกับครอบครัวและมรดกในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้
๗. ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีครอบครัว
๘. ธุรกรรมเกี่ยวกับครอบครัวและมรดกที่ทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
บทที่ ๒ การหมั้น
๑. เงื่อนไขของการหมั้น
๑.๑ ชายและหญิงคู่หมั้นต้องมีอายุอย่างต่ำ ๑๗ ปีบริบูรณ์
๑.๒ ผู้เยาว์ทำการหมั้นจะต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองด้วย
๒.แบบของสัญญาหมั้น
๓.ของหมั้น
๔.คู่สัญญาที่จะต้องรับผิดตามสัญญาหมั้น
๕.สินสอด
๖. วิธีการในการคืนของหมั้นหรือสินสอด
๖.๑ ถ้าของหมั้นหรือสินสอดนั้นเป็นเงินตรา
๖.๒ ถ้าของหมั้นหรือสินสอดนั้นเป็นทรัพย์สินอื่นที่มีใช่เงินตรา
๗. ทรัพย์กองทุน
๘. ทรัพย์รับไหว้
๙. เรือนหอ
๑๐. การผิดสัญญาหมั้นและค่าทดแทน
๑๐.๑ การหมั้นไม่เป็นเหตุฟ้องร้องบังคับให้สมรสได้
๑๐.๒ เมื่อมีการผิดสัญญาหมั้นจะต้องมีความรับผิดชดใช้ค่าทดแทนแก่กัน
๑๐.๓ ถ้าชายผิดสัญญาหมั้น หญิงไม่ต้องคืนของหมั้นแต่หากหญิงผิดสัญญาหมั้น หญิงต้องคืนของหมั้นให้แก่ชาย
๑๑. การระงับสิ้นไปแห่งสัญญาหมั้นและค่าทดแทน
๑๑.๑ คู่สัญญาหมั้นทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอมเลิกสัญญา
๑๑.๒ ชายคู่หมั้นหรือหญิงคู่หมั้นถึงแก่ความตาย
๑๑.๓ การเลิกสัญญาหมั้นโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาหมั้นเนื่องจากมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้นหรือชายคู่หมั้น
๑๑.๔ ค่าทดแทนในการเลิกสัญญาหมั้น
๑๒. หลักเกณฑ์การคำนวณค่าทดแทนในเรื่องการหมั้นและอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทน
๑๓. อายุความ
บทที่ ๓ การสมรส
๑. ความหมายของการสมรส
๒. เงื่อนไขแห่งการสมรส
๒.๑ ชายและหญิงต้องมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์แล้วทั้งสองคน
๒.๒ ชายหรือหญิงต้องไม่เป็นคนวิกลจริต หรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
๒.๓ ชายและหญิงมิได้เป็นญาติสืบสายโลหิตต่อกันหรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา
๒.๔ ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้
๒.๕ ชายหรือหญิงมิได้เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่นอยู่
๒.๖ ชายและหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากัน
๒.๗ หญิงหม้ายจะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อขาดจากการสมรสเดิมแล้วไม่น้อยกว่า ๓๑๐ วัน
๒.๘ ผู้เยาว์จะทำการสมรสได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
๓. แบบแห่งการสมรส
๔. การสมรสในต่างประเทศ
๕. การสมรสในเหตุฉุกเฉิน
บทที่ ๔ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
๑. การอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาและช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกัน
๒. การแยกกันอยู่ต่างหากเป็นการชั่วคราว
๓. การเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ของคู่สมรส
๔. การอุปการะเลี้ยงดูและกระทำการตามสมควรเพื่อให้คู่สมรสที่วิกลจริตมีความปลอดภัย
๕. การซื่อสัตย์ในความรักต่อกัน
๖. การใช้คำนำหน้านามและชื่อสกุลของหญิงมีสามี
๗. สัญชาติของสามีภริยา
๘. ภูมิลำเนาและสิทธิเบ็ดเตล็ดของสามีภริยา
บทที่ ๕ ทรัพย์สินและหนี้สินระหว่างสามีภริยา
๑. สัญญาก่อนสมรสในเรื่องทรัพย์สิน
๒. สัญญาระหว่างสมรสในเรื่องทรัพย์สิน
๓. ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา
๓.๑ สินส่วนตัว
๓.๑.๑ ทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส
๓.๑. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกายหรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
๓.๑.๓ ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาในระหว่างสมรสโดยการรับมรดกหรือโดยการให้โดยเสน่หา
๓.๑. ทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น
๓.๑.๕ ของแทนสินส่วนตัว
๓.๑.๖ การจัดการสินส่วนตัว
๓.๒ สินสมรส
๓.๒.๑ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส
๓.๒.๒ ทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส
๓.๒.๓ ทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
๓.๒.๔ สามีหรือภริยาขอลงชื่อร่วมในสินสมรส
๓.๒.๕ การจัดการสินสมรส
๔. ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
๕. หนี้สินของสามีภริยา
๕.๑ ความรับผิดในหนี้สินของสามีภริยา
๕.๒ หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา
๕.๓ การเอาทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาไปชำระหนี้
๕.๔ สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย
๕.๕ การแยกสินสมรส
๕.๖ การช่วยกันออกค่าใช้สอยในกรณีที่ไม่มีสินสมรสเหลืออยู่แล้ว
บทที่ ๖ การสมรสที่เป็นโมฆะ
๑.ขอบเขตของการสมรสที่เป็นโมฆะ
๒.เหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆะ
๓.การกล่าวอ้างว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ
๔.การแจ้งให้นายทะเบียนสมรสบันทึกความเป็นโมฆะของการสมรส
๕. ผลของการสมรสที่เป็นโมฆะ
บทที่ ๗ การสิ้นสุดแห่งการสมรส
๑.การสมรสที่สิ้นสุดลงด้วยความตาย
๒.การสมรสที่เป็นโมฆียะ
๒.๑ เหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆียะ
๒.๒ การร้องขอเพิกถอนการสมรสในกรณีที่ผู้มีสิทธิขอเพิกถอนเป็นคนวิกลจริต
๒.๓ การให้สัตยาบันการสมรสที่เป็นโมฆียะ
๒.๔ ผลของการเพิกถอนการสมรสที่เป็นโมฆียะ
๓. การหย่า
๓.๑ การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
๓.๒ การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล
๓.๒.๑ เหตุฟ้องหย่า
๓.๒.๑.๑ สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ
๓.๒.๑.๒ สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่
๓.๒.๑.๓ สามีหรือภริยาทำร้ายหรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีอีกฝ่ายหนึ่ง
๓.๒.๑.๔ สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี
๓.๒.๑.๕ สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก