แม่ที่มีอยู่จริง Being There(ปกอ่อน)
แม่ที่มีอยู่จริง Being There
ผู้เขียน: Erica Komisar (เอริก้า โคมิซาร์)
ปกอ่อน 360 หน้า
ขนาด 14.3 x 21 CM
คุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ รีวิวไว้ ดังนี้ค่ะ
ผมเขียนเสมอว่าอะไรที่เราทำใน 12 เดือนแรก 3 ขวบปีแรก จะส่งผลต่อลูกใน 20 ปีข้างหน้า นี่คือคำอธิบายหนึ่ง
“ไม่ว่าจะให้นมแม่หรือนมขวด ความใกล้ชิดทางกายเป็นส่วนสำคัญ และเป็นส่วนผสมหลักที่ส่งผลดีต่อกิจกรรมนี้ แม่และคนเลี้ยงจำนวนมากไม่มีโอกาสได้สัมผัสผิวเนื้อหรือสบตาระหว่างให้นม หลายคนเล่นมือถือจนเด็กหันหน้าไปทางอื่นและขวดหลุดจากปากหรือไม่ก็ให้เด็กจับขวดกินเอง หนึ่งในสิ่งดีๆ ของการให้นมคือตามหลักการแล้ว คุณต้องมองหน้าลูกเสมอ ลองจินตนาการตัวเองเป็นลูก : นอนอยู่ในอ้อมแขนแม่ นมอยู่ในปาก รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น มองเข้าไปในดวงตาสวยๆ ของแม่ที่กำลังให้ความสนใจเราเต็มที่ กอดเราไว้ในอ้อมแขนอุ่นๆ ได้ยินเสียงและสัมผัสถึงเสียงหัวใจที่คุ้นเคยตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง กระเพาะเติมเต็มด้วยนมอุ่นๆ แสนอร่อย รู้สึกสบายใจและอยากนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ
ช่วงสามปีแรกเป็นช่วงระยะวิกฤติของหน้าต่างแห่งเวลา เด็กจะพัฒนาสมองซีกขวาและบ่มเพาะสภาวะทางอารมณ์และพัฒนาการทางสังคมผ่านสายสัมพันธ์ การเล่น และการสื่อสารทางกาย พัฒนาการสมองซีกขวา ไม่ว่าจะเป็นทักษะอวัจนภาษา ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และพัฒนาการด้านความเชื่อมโยงทางอารมณ์ความรู้สึกที่ยั่งยืน ล้วนแต่เป็นรากฐานสำคัญของพัฒนาการทางสติปัญญา หากขาดรากฐานนี้ เด็กอาจไม่สามารถอดทนต่อความหงุดหงิดหรือข้อผิดพลาดที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจขาดความยืดหยุ่นในการเยียวยาตัวเองจากการทำผิดพลาดได้
ไม่ใช่แค่รู้สึกว่าร่างกายเปิดเผยและไม่มั่นคง แต่ยังขาด สิ่งที่นักจิตวิเคราะห์ เอสเธอร์ บิคเรียกว่า ความอ่อนไหวทางผิวหนังที่จะรับมือกับแรงกระตุ้นและความไม่สบายใจต่อโลกภายนอก”
...She was not only exposed and vulnerable physically she lacks as psychoanalyst Esther Bick said an emotional “skin” to cope with the stimulation and frustration of the outside world.
จากหนังสือแม่ที่มีอยู่จริง
เอริกา โคมิซาร์เขียน คุณแม่อตินแปล
SandClock Booksพิมพ์
เป็นหนังสือเล่มแรกที่ผมพบว่าผู้เขียนเขียนได้อย่างที่ใจผมต้องการ อ้างอิงจิตวิเคราะห์ตามด้วยงานวิจัยสมัยใหม่ โดยไม่เกรงใจท่านที่พูดว่าไม่มีเวลา
ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ว่าบ้านเราไม่มีใครมีเวลาจริงๆ ตราบเท่าที่ยังไม่มีรัฐที่เห็นความสำคัญว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะทำให้แม่มีเวลาที่จะมีอยู่จริง