หนังสือ Gift เมื่อเธอหวนคืน ฉันจึงกลับมา
ฉันกลายเป็นคนที่เสพติดการเฉือนเรือนร่างของตัวเอง
เพื่อตัดชิ้นส่วนอัปลักษณ์ออก
ฉันทำร้ายตัวเองทุกคืนวัน
ด้วยความหวังว่าหากทำแบบนี้ซ้ำๆ
ฉันคงมีความหมายต่อใครสักคน
----------------------------
ในห้องนอนของหญิงสาววัย 29 มีจดหมายลึกลับฉบับหนึ่งถูกส่งมาทุกคราวที่ชีวิตแตกร้าวโดยไม่เจอทางย้อนกลับ ประทับถ้อยคำปลอบโยนเจือความหวังวาวระยับ สร้างพื้นที่เล็กๆ และไออุ่นให้หลบภัย พร้อมข้อความปริศนาที่บรรยายถึงโลกอีกใบ สีฟ้าของไฮเดรนเยีย สีครามของท้องนภา บนแผ่นไม้กระดานของชิงช้า มีใครบางคนรอคอยเธออยู่
เธอออกเดินทางตามหาบุคคลปริศนาไปพร้อมๆ กับการเลี้ยงดูผีเสื้อในหัวใจ ผีเสื้อที่เป็นตัวแทนของความแหว่งเว้าฉีกขาด ผีเสื้อที่กำลังทวงถามถึงความรัก และโหยหาการโบยบินตามที่ปีกต้องการ แม้จะมีเสี้ยวหนึ่งในใจที่เชื่อว่า ‘ฉันเปราะบางเกินกว่าจะปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระ’ ก็ตาม
แว่วเสียงกระซิบในหนังสือเล่มนี้ดังขึ้นมาจากหุบเหวแห่งการทุรนทุรายที่อยู่ในหลืบลึกที่สุดในตัวคุณ เสียงกระซิบที่กำลังเฝ้าร้องขอให้คุณเป็นที่รักในสักวัน
บางส่วนจากในเล่ม
ฉันเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าฤดูกาลของฉันคงพัดผ่านมาในสักวัน ถึงวันนั้น ดอกไม้คงจะผลิบาน ผีเสื้อคงจะโบยบินเข้ามา และฉันคงรักตัวเองได้มากพอจะหยิบยื่นดอกไม้ในตัวฉันให้ใครสักคน
—
ฉันไม่ได้เก่งหรือถนัดเรื่องที่กำลังทำ ไม่ใช่ทั้งชอบหรือชัง คล้ายกับเมล็ดพันธุ์ที่ถูกโอบอุ้มด้วยดินในกระถาง เป็นดินประเภทหนึ่งที่พอจะเติบโตได้ แต่ก็ไม่ใช่กระถางที่เหมาะกับการเติบโตในแบบของฉันซะทีเดียว
—
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจัดดอกไม้ขึ้นมาเพื่อให้ใครสักคนชมว่าสวย ฉันจัดมันขึ้นมาเพื่อให้มันยังคงความเป็นธรรมชาติของมัน ดอกไม้ไม่สนใจหรอกว่ามันจะถูกมองยังไง ดอกไม้แค่ผลิบานตามเวลาของมัน และร่วงโรยในยามที่ต้องร่วงโรย”
–
ฉันผลิตรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ทำแบบเดียวกันนี้ไม่ได้กับแววตา ฉันเป็นผีเสื้อที่บินด้วยปีกแห่งอิสรภาพ ทว่าเป็นอิสรภาพในเรือนกระจกโปร่งใสที่มอบได้เพียงความปลอดภัย สุดท้ายจึงได้แต่บินชนกับกระจกหนาด้วยความรู้สึกว่า ‘ฉันไม่ดีพอ’