สตรอเบอร์รี่แดง/ขาว20เมล็ด ลูกดก เมล็ดนำเข้าแท้
สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ประกอบด้วยฟรุกโตสซูโครส กรดซิตริก กรดมาลิก กรดซาลิไซลิกก รดอะมิโน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและแร่ธาตุอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีวิตามินหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณวิตามินซีที่สูงมาก สตรอเบอร์รี่ทุกๆ 100 กรัมมีวิตามินซี 60 มก. แคโรทีนที่มีอยู่ในสตรอเบอร์รี่ เป็นสารสำคัญในการสังเคราะห์วิตามินเอและมีผลในการปรับปรุงสายตาและบำรุงตับ สตรอเบอร์รี่ยังมีเพคตินและอุดมไปด้วยใยอาหาร ซึ่งสามารถช่วยในการย่อยอาหารและช่วยระบาย นอกจากนี้สารอาหารของสตรอเบอร์รี่ยังย่อยและดูดซึมได้ง่าย
***เมล็ดสตรอเบอร์แดง*** Original สายพันธุ์ OP
เป็นสตรอเบอร์รี่พันธุ์ดี มีกลิ่นหอมเฉพาะ ผลมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ เนื้อนุ่มฉ่ำและหวาน รสชาติอร่อย เนื้อนุ่มฉ่ำ ผลผลิตสูง
สตรอเบอร์รี่สีขาว ***
ผลไม้เพื่อสุขภาพ สายพันธุ์ F1
ดินที่เหมาะสม ดินร่วน/ดินร่วนปนทราย
ข้อดี : มีกลิ่นหอมของนมสด ผลลักษณะเป็นรูปหัวใจ เนื้อนุ่มฉ่ำและหวาน รสชาติอร่อยเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค
ข้อเสีย : เนื่องจากผลผลิตต่ำและรสชาติดี เนื้อนุ่มฉ่ำช้ำง่าย จึงไม่ทนต่อการขนส่ง ไม่สามาถเก็บไว้นานได้ หากต้องเพิ่มอายุในการเก็บรักษาแนะนำให้เก็บผลแก่ที่มีความสุก80%
อัตราการงอก 70 %
ดินที่เหมาะสม ดินร่วน/ดินร่วนปนทราย
วิธีการเพาะ:
ใช้วัสดุเพาะพีทมอส หยอดเมล็ดลงถาดเพาะ2เมล็ด/หลุม แล้วโรยพีสมอสทับอีกชั้นหนา2ซม. พรมน้ำให้ชื้น เอาฟิล์มครบไว้อีกชั้นเพื่อรักษาความชื้น จนกว่าเมล็ดงอก ระยะเวลาในการงอก15-30วัน อุณภูมิที่เหมาะสมในการงอก 18-25 ̊C ย้ายปลูกเมื่อมีใบจริง3-5ใบ อุณภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต 15-25 ̊C อุณภูมิที่เหมาะสมในการออกดอก 15-24 ̊C อุณภูมิที่เหมาะสมในการขยายผล 18-22 ̊C
ระยะในการปลูก (10-15)*25 ซม. ยกร่องสูง10ซม. กว้าง25ซม. ข้อระวังในการปลูก ไม่ควรทำให้ต้นขาดธาตุ โบรอน(B) ซึ่งอาจทำให้ผลเบี้ยว
การเพาะเมล็ดสตรอเบอรี่
1. ให้เอาเมล็ดทั้งซอง เก็บไว้ในตู้เย็นแถวๆ ชั้นวางไข่ก่อน ประมาณ 20 วันขึ้นไป เพื่อทำลายการพักตัวของเมล็ดพันธ์ ไม่เช่นนั้นจะงอกยาก และมีการงอกต่ำมาก
2. วัสดุ เพาะ ควรจะเป็น พีท ผสมกับทรายน้ำจืด 1 : 1
3. เอาวัสดุเพาะใส่ถาดเพาะชำ เกลี่ยให้เรียบ และรดน้ำให้ชุ่ม
4. ใส่เมล็ดสตรอเบอรี่ หลุมละ 2 เม็ด
5. เอาถาดเพาะชำใส่ไว้ในถุงพลาสติคขนาดใหญ่ เป่าลมให้พอง มัดปากถุงให้สนิท เอาวางไว้ในที่ร่ม (ถ้าวัสดุเพาะไม่แห้งไม่ต้องรดน้ำ)
6. ทิ้งไว้ ประมาณ 10 วันก็จะเริ่มงอก ก็ ให้เปิดปากถุงทีละน้อย และให้ได้รับแสงสว่าง ทีละน้อย
7. ประมาณ 3 วันค่อยเอาถาดเพาะ ออกจากถุงทั้งหมด
8. ถ้า มีใบ ประมาณ 3-4 ใบ ก็ผสมปุ๋ยที่ เจือจาง พ่น บางๆ อัตราส่วน ดังนี้ ปุ๋ยเกร็ด ถ้าสูตร 21 - 21 - 21 ให้ใช้ ประมาณ 16 กรัม ต่อน้ำ 1000 ลิตร ถ้าสูตร 20 - 20 - 20 17
9. น้ำที่ผสม ปุ๋ยควรมี PH = ประมาณ 6 - 6.5
10. ควรมีการพ่นยาป้องกันเชื้อรา ไดเทน 45 ในอัตราส่วนที่เจือจาง ตลอด จะทำให้มีการรอดตายสูง ยาไดเทน ไม่ใช่ยา ดูดซึม แต่ มีผลในการป้องกัน และมีอันตรายต่อ คน น้อยมาก
11. ถ้าต้นใหญ่พอก็ย้ายปลูก โดยผสมวัสดุปลูกที่ โล่ง โปร่ง ไม่อุ้มน้ำจนเกินไป จากการทดลอง คือ ทรายหยาบ + แกลบดิบ อย่างละเท่าๆกัน ให้ผลดีที่สุด ( สำหรับการปลูกแบบไฮโดรโปนิคส์ )
