วิปัสสนาภาวนาและวิปัสสนาวิถี
🔆วิปัสสนาภาวนา เจริญลึกซึ้งถึงสภาพธรรม🔆
การเจริญวิปัสสนานั้นเป็นการประกอบความเพียรทั้งทางกายและจิต
ย่อมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยลัเป็นธรรมดา ทว่าไม่เครียด ปฏิบัติต่อเนื่องเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล หยุดพักสักครู่หายเหนื่อยแล้วก็ปฏิบัติได้เหมือนเดิมไม่มีผลเรื้อรังคือความเครียดติดตามมา ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งวิปัสสนาเหนื่อยแต่ไม่เครียด ถ้าทั้งเหนื่อยทั้งเครียดมิใช่วิปัสสนา
ด้วยอาศัยการปฏิบัติตามธรรมชาติอย่างธรรมดาสามัญนั่นเอง ผลใน
ทางวิปัสสนาจึงออกมาสุขุมนุ่มนวลละเอียดประณีต (สุขุม นิปุณ์ ปณีต์)
อ่อนเบาราบเรียบ (ลหุก กมุมนีย) ไร้สภาวะรุนแรง และเห็นการเกิด-ดับส่ง-รับเลื่อนไหลไปเป็นกระแสอย่างไม่ขาดสาย ในช่วงเริ่มตันผู้ปฏิบัติมาพร้อมกับความตั้งใจแต่ไม่เครียด ขยันหมั่นกำหนดปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่วิถีวิปัสสนาสติคล่องแคล่วจับอารมณ์ต่างๆได้อย่างฉับไว เป็นอัตโนมัติประหนึ่งว่าทำเหมือนไม่ทำ (อกิริยา) ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายไปตามกระบวนการทางธรรมชาติก็เกิตผลประจักษ์ในทางวิปัสสนาเอง โดยมิต้องบังคับจับจ้องกะเกณฑ์ใดๆ
🔆วิปัสสนาวิถี ทางตัดตรงเข้าสู่ความรู้แจ้ง🔆
•••การปฏิบัติธรรมที่มีโลภะหน่วงในอารมณ์เป็นไปเพื่อ
ตอบสนองความต้องการของโลภะ ก็ไม่แตกต่างจาก
การทำงานเพื่อได้รับค่าจ้างหรือผลตอบแทนเป็น
เงินตรา ภาษาจิตวิทยาเรียกการกระทำในแนวนั้นว่า
Reward dependent ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนของ
รางวัล ซึ่งเป็นวิถีทางโลกล้วนๆ หากผู้ปฏิบัตินำการ
กระทำตามวิถีทางโลกมาใช้ในวิถีทางธรรม จะประสบ
ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะวิถีทางธรรมนั้น
ยิ่งยึดอยากได้ ยิ่งห่างเหินไกล ยิ่งปลดปล่อยวาง
ยิ่งเดินทางเข้าไปใกล้•••🍂