ทำลายแมลงศัตรูพืช กำจัดเพลี้ยต่างๆ หัวเชื้อราบิวเวอร์เรียเข้มข้น 500กรัม เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น ไรแดง ฆ่าหนอน
เชื้อราบิวเวอร์เรีย
ประกอบด้วยจุลินทรีย์ :
Beauveria bassiasna. (BV)
ต่างๆเป็นกลุ่มเชื้อรา จากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยบิวเวอร์เรียจะแทงเส้นใย เข้าสู่ผนังลำตัวแมลง และกินของเหลวภายในตัวแมลงเป็นอาหาร และเจริญเส้นใยสีขาวปกคลุมตัวแมลง
เชื้อราบิวเวอร์เรีย (Beauveria bassiana) เป็นเชื้อรากำจัด ทำลายแมลง โดยผลิตเอนไซม์ที่เป็นพิษต่อแมลงศัตรูพืช และเป็นเชื้อราที่กินเศษซากพืชซากสัตว์ที่ผุพัง
ทำลายแมลงได้หลายชนิด โดยส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อรา สปอร์ จะสัมผัสและแทงเส้นใยทะลุตัวแมลง ทำให้แมลงมีอาการผิดปกติ อ่อนแอ จนแมลงตายในที่สุด
ลักษณะที่พบคือ แมลงจะแห้งและแข็ง เชื้อราที่เข้าทำลายแมลงจะขยายพันธุ์อีกครั้งและขึ้นปกคลุมตัวแมลง พร้อมแพร่กระจายสปอร์ต่อไปอีกในธรรมชาติ
คุณสมบัติของเชื้อราบิวเวอร์เรีย
เชื้อรามีคุณสมบัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อแมลง สามารถทำลายแมลงได้หลายชนิด โดยเชื้อราจะเจริญเติบโต แทงทะลุตัวแมลง โดยผลิตเอนไซม์ที่เป็นพิษและทำลายแมลงศัตรูพืช แมลงจะไม่ตายทันที (แต่จะตายภายใน 3-7 วัน)
ทำให้เป็นพาหะ นำเชื้อไปติดต่อกับแมลงตัวอื่นที่มาใกล้/สัมผัส เชื้อรายังอาศัยและกินเศษซากที่ผุพังของแมลงที่ตายแล้ว (สังเกตจะมีเส้นใยสีขาวปกคลุมซากแมลงที่ตาย) และสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้อีก
ชนิดแมลงศัตรูพืช ที่ใช้บิวเวอร์เรียควบคุม:
- เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น
- เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
- แมลงหวี่ขาว ไรแดง
- ผีเสื้อ หนอนเจาะสมอฝ้าย
- หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้ใบข้าว
- แมลงปีกแข็งต่างๆ
การเข้าทำลายแมลง ของเชื้อราบิวเวอร์เรีย
1. สปอร์เชื้อราเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังลำตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังลำตัว มีความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทะลุผิวหนังลำตัว เชื้อราจะงอกสู่ช่องว่างลำตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมาย ทำลายแมลง
2. เมื่อแมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังลำตัว ออกสู่ภายนอกตัวแมลง
3. สปอร์จะแพร่กระจายไปตามลม ฝน หรือติดไปกับตัวแมลง เชื้อราจึงสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม ก็จะทำลายแมลงศัตรูต่อไป
ลักษณะอาการของแมลง ที่ถูกเชื้อราบิวเวอร์เรียเข้าทำลาย
1. แมลงที่ถูกทำลาย จะแสดงอาการของการเป็นโรคคือ เบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง อ่อนเพลีย และไม่เคลื่อนไหว
2. สีผนังลำตัวแมลงมักจะเปลี่ยนไป ปรากฎจุดสีดำ บนบริเวณที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
3. พบเส้นใย และผงสีขาวของสปอร์ปกคลุมตัวแมลงที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
วิธีใช้: การฉีดพ่น
1. เชื้อราบิวเวอร์เรีย 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร
2. สารจับใบ 1-2 ช้อนชา
3. ควรฉีดพ่น หลังให้น้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมง ความชื้นจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเชื้อบิวเวอร์เรีย
4. พ่นให้ถูกตัวแมลง ศัตรูพืช หรือบริเวณที่แมลงศัตรูพืชอาศัย
5. ควรฉีดพ่นช่วงเวลาเย็น โดยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการงอกและเจริญเติบโตของเชื้อราคือ ความชื้นสูง และแดดอ่อน
4. ให้น้ำกับแปลงพืช ในวันรุ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความชื้น
5. สำรวจแปลงพืช ถ้ายังพบศัตรูพืชเป้าหมาย ให้พ่นเชื้อราบิวเวอร์เรียซ้ำ
++++++++++
คุณสมบัติที่ดีของเชื้อราบิวเวอร์เรีย
1. เพาะเลี้ยงได้ง่าย สามารถเลี้ยงได้บนเมล็ดธัญพืช
2. มีความคงทนในสภาพแวดล้อมสูง
3. วิธีใช้ละลายเชื้อราผสมน้ำฉีดพ่น
4. แพร่กระจายได้ง่าย โดยปลิวไปกับลม หรือติดไปกับคน สัตว์ หรือแมลงต่างๆ
ข้อจำกัด: ของการใช้บิวเวอร์เรียในควบคุมศัตรูพืช
- ความร้อนและความแห้ง ของอากาศ มีผลกระทบต่อการงอก การอยู่รอด ความคงทนของเชื้อรา และประสิทธิภาพการควบคุมศัตรูพืช
- ความชื้นจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยที่ดีกว่า
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
1. อุณหภูมิ 20-27 องศาเซลเซียส
2. ความชื้นสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
3. แสงแดดรังสียูวี มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ข้อดี: ของการใช้บิวเวอร์เรียในควบคุมศัตรูพืช
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
- เป็นปัจจัยหนึ่งของการควบคุมศัตรูพืชแบบผสมผสาน
- ไม่มีพิษตกค้าง ใช้ได้ทุกระยะของการเจริญเติบโตของพืช
ระยะการใช้:
+ ฉีดพ่น 3 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง
เพื่อทำลายแมลง ศัตรูพืช ช่วงระบาด
+ ฉีดพ่น 7 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน
เพื่อป้องกันการระบาดของแมลง
**เทคนิคการใช้ให้ได้ผลดี:
1. ควรฉีดพ่นให้สัมผัสกับตัวแมลง
2. ควรฉีดพ่นตอนเย็นเพื่อเลี่ยงแสงแดด ฉีดพ่นหลังรดน้ำ ความชื้นจะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
3. ควรใส่สารจับใบ เพื่อการกระจายตัวของเชื้อ และการยึดเกาะได้ดีขึ้น
4. ควรปรับหัวฉีดเป็นละอองฝอยเล็ก
5. ควรฉีดพ่น 3 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง ในช่วงที่แมลงเกิดการระบาด
6. สามารถใช้ร่วมกับอาหารเสริมพืช ยาฆ่าแมลงได้
7. ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมีกำจัดโรคพืช จะไปยับยั้งการทำงานของเชื้อ
(เว้นระยะห่าง 7 วัน)
8. ไม่ควรใช้ร่วมกับบีเอสพลัส และไบโอไตรโค จะไปยับยั้งการทำงานของเชื้อ
(เว้นระยะห่าง 10 วัน)