ต้นบานบุรีแคระ สีเหลือง สีม่วง
ต้นบานบุรีแคระมีสีเหลืองและสีม่วงสีม่วงจะเป็นแบบไม่แคะ
มีของพร้อมส่ง
การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอก ตลอดปี
ลักษณะทั่วไป :
ต้น
บานบุรีเป็นไม้เลื้อยที่มีการผลัดใบโดยธรรมชาติ ต้นของบานบุรีจะเลื้อยพาดไปตามรั้ว หลัก หรือต้นไม้อื่นหากไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม เถาบานบุรีเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนบริเวณยอดเถาจะเป็นสีเขียว และจะมียางสีขาวขุ่นอยู่ในทุกส่วนของต้นบานบุรี ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเถา หรือส่วนของใบก็ตาม
ใบ
ใบจะแตกออกบริเวณข้อของลำต้นหรือขอของเพา ข้อหนึ่ง ๆ จะมีใบออกประมาณ 3-6 ใบ และใบจะออกตรงข้ามกัน ตัวใบสีเขียวเข้ม ผิวใบมัน ปลายใบแหลม ก้านใบสั้น
ดอก
บานบุรีจะออกดอกตรงส่วนยอด ดอกเป็นรูปแตร มีก้านดอกสั้นและจะมีกลีบเลี้ยงเป็นริ้วสีเขียวติดอยู่โคน ดอก ดอกจะเป็นสีเหลืองมีกลีบดอก 5 กลีบ
การปลูก:
ปลูกโดยดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด ทนแล้ง น้ำปานกลางถึงน้อย
การดูแลรักษา:
1.แสง เนื่องจากบานบุรีเป็นไม้กลางแจ้ง ที่ชอบแสงแดดมากพอสมควร จึงจำเป็นที่จะต้องจัดกระถางบานบุร ีไว้ในที่ที่มีแสงแดด หรือควรปลูกบานบุรีลงแปลงบริเวณที่ต้นไม้สามารถได้รับแสงอย่างเต็มที่ เพราะหากต้นไม้ไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ ก็อาจจะไม่ให้ดอกหรือให้ดอกที่ไม่สมบูรณ์และไม่สวย บานบุรีจะให้ดอกที่สวยงาม เมื่ออยู่กลางแจ้ง
2.น้ำ ถึงแม้นว่าบานบุรีจะเป็นไม้กลางแจ้ง แต่ก็มิได้หมายความว่าบานบุรีจะไม่ต้องการน้ำ บานบุรีมีความต้อง
กานน้ำปานกลาง ฉะนั้นหลังปลูกบานบุรีลงดินแล้ว ควรรดน้ำในตอนเช้าวันละครั้ง และควรรดน้ำในปริ
มาณที่พอเหมาะ ไม่ควรให้ดินแฉะเพราะอาจทำให้รากเน่าและตายได้
3. ดิน บานบุรีเป็นไม้ที่ค่อนข้างขึ้นง่าย ไม่เลือดดินปลูก แต่ถ้าปลูกในดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย ก็จะยิ่งเจริญ
งอกงานได้ดี
4.ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก รองก้นหลุมตอนปลูก เมื่อต้นโนแล้วให้พรวนดินบริเวณโคนต้น แล้วใส่ปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: –
ประโยชน์: ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามสวน
สรรพคุณทางยา:
– ใบมีสรรพคุณทำให้อาเจียน (ใบ)
– ช่วยแก้อาการจุกเสียด (ใบ)
– ใบมีรสเมาร้อน ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ทำให้กล้ามเนื้อของลำไส้หดเกร็ง (ใบ)
– เปลือกและยาง มีรสเมาร้อน ใช้ปริมาณน้อยมีฤทธิ์เป็นยาถ่าย ช่วยขับน้ำดี ถ้าใช้ในปริมาณมากจะเป็น พิษต่อหัวใจ และทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ (เปลือกและยาง)