ดอกซ่อนกลิ่นฮอนแลนด์สีชมพูซ้อน ชุดละ1หัวพันธุ์ ไม้ดอก ไม้ประดับ
ดอกซ่อนกลิ่นฮอนแลนด์สีชมพูซ้อน ชุดละ1หน่อ ไม้ดอก ไม้ประดับ
ถิ่นกำเนิดซ่อนกลิ่น
ซ่อนกลิ่นเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้อยู่ในตระกลูของว่านหางจระเข้ โดยเชื่อกันว่าถิ่นกำเนิดดั้งเดิมน่าจะอยู่ที่บริเวณเทือกเขาแอนดีส จากนั้นจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ต่อไปในพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับซ่อนกลิ่นในประเทศไทยนั้น คาดว่าชาวสเปนเป็นผู้นำมาปลูกในบริเวณหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ก่อนแล้วต่อมาชาวจีนที่ค้าขายอยู่ระหว่างประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำเข้ามาที่ประเทศไทยอีกต่อหนึ่ง โดยมีการคาดการณ์ว่ามีน่าจะนำเข้ามาในประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และยังมีการสันนิษฐานว่าเข้ามาก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนในปัจจุบันนั้นซ่อนกลิ่นสามารถพบและปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่จะพบมากทางภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน
ประโยชน์และสรรพคุณซ่อนกลิ่น
ซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมากโดยเฉพาะช่วงค่ำจนถึงก่อนรุ่งสาง ซึ่งคนไทยในอดีตมักจะใช้มาประกอบในงานศพ เพราะในอดีตยังไม่มีการฉีดยาฟอร์มาลีนให้กับศพ จึงใช้กลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นช่วย ดังนั้นคำนิยมคนไทยจึงมองว่าดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้ที่เป็นมงคล ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นลางไม่ดีแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน แต่สำหรับในต่างประเทศ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย กลับเชื่อกันว่า ช่อดอกซ่อนกลิ่น และพวงมาลัยของดอกซ่อนกลิ่น เป็นเครื่องหมายของความสุขสดชื่นและความปรารถนาดี
นอกจากนี้ชาวจีน ยังใช้ดอกซ่อนกลิ่นมาทำให้แห้งเพื่อใช้ปรุงอาหาร เช่น ต้มจืด เป็นต้น และที่สำคัญ ชาวตะวันตกใช้ดอกซ่อนกลิ่นมาสกัดเอาน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้เป็นหัวน้ำหอมในแบรนด์ดังระดับโลก เช่น โจมาโลน ชาแนล จิวองซี่ เป็นต้น สำหรับสรรพคุณทางยาของซ่อนกลิ่นนั้น เชื่อกันว่า เหง้าและดอกของซ่อนกลิ่น ช่วยลดการอักเสบ และบรรเทาความผิดปกติของกระดูกได้ และกลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นยังสามารถช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ และลดความถึงเครียด ทำให้ใจเย็น ทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิ นอนหลับง่าย และยังกระตุ้นกำหนัดได้อีกด้วย
ลักษณะทั่วไปซ่อนกลิ่น
ซ่อนกลิ่นจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกหรือไม้หัวใต้ดินชนิดหนึ่ง ประเภทใบเลี้ยงเดี่ยวมีอายุได้ประมาณ 2-3 ปี มีหัวอยู่ใต้ดิน ซึ่งใช้เป็นแหล่งสะสมอาหาร ราก จะเป็นระบบรากฝอยสีน้ำตาลขนาดเล็กมีจำนวนไม่มาก โดยจะมีขนาดสั้นจนถึงยาว และจะยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร ลำต้นมีสีเขียวตั้งตรงขึ้นจากอ มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 0.5-1 ซม. สูง 50-70 เซนติเมตร ใบเป็นใบที่เจริญมาจากหัวมีสีเขียวขนาดเล็ก เรียวยาวใบหนา โผล่พ้นดิน แผ่ออกเป็นทรงกลมรอบ ๆ หัว แต่ละใบ กว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร และจะมีหน่องอกออกจากหัวเดิมเป็นหัวใหม่ได้เรื่อย ๆ จนกลายเป็นกอใหญ่ ดอกออกเป็นช่อเดี่ยวแบบช่อเชิงลด โดยดอกย่อยแทงก้านจากลำต้นกางกอขึ้นมาไม่มีก้านแยก ต้นหนึ่งๆ จะมีช่อดอก 20-30 ช่อย่อย และใน 1 ช่อดอกย่อยจะมีดอก 2-3 ดอก โดยที่แต่ละดอกจะยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร และจะเรียงกันเป็นแนวตามกำหนด ซึ่งมีทั้งพันธุ์กลีบดอกขั้นเดียวเรียกว่าดอกลา และพันธุ์กลีบดอก 2 ชั้น เรียกว่าดอกซ้อน ในระยะแรกดอกตูมจะมีสีเขียว และค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีขาวมีสีขมพูเจือบริเวณปลาย ดอกจะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเย็นโดยทยอยบานจากโคนตอนล่างของช่อดอกขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อบานเต็มที่จะมีสีขาวครีม นอกจากนี้ดอกซ่อนกลิ่นจะมีกลิ่นหอมแรงมากโดยเฉพาะเวลากลางเย็นและกลางคืนิ