ณ บ้านวรรณกรรม หนังสือ เรื่อง ข้าบดินทร์ / วรรณวรรธน์
รายละเอียดสินค้า
ชื่อเรื่อง ข้าบดินทร์
นวนิยายโดย วรรณวรรธน์
ปกอ่อน สองเล่มจบ
ประเภท: อิงประวัติศาสตร์/ศิลปะการต่อสู้/ความรัก
Edition: 7th (2566)
ISBN: 978-616-573-2000
นิยายสู่ละคร: ช่อง 3 ปี 2558
เรื่องย่อ
ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เหม บุตรชายคนเดียวของ พระยาบริรักษ์ ข้าราชการมือสะอาดที่ดูแลการจัดเก็บค่าระวางจากเรือขนส่งสินค้าที่เข้ามาในประเทศไทย เหมนั้นเป็นคนหน้าตาดี รูปงาม ผิวเนื้อเหลืองดั่งทองจนได้ชื่อว่าพ่อเหมรูปทอง เป็นที่รักของผู้ที่ได้พบเห็นหรือรู้จัก คงมีเพียง สมิงสอดน้อย ชายหนุ่มเชื้อสายมอญ ที่ไม่ชอบหน้าเหมตั้งแต่แรกเห็น สองหนุ่มคู่ปรับหนีกันไม่พ้น เหมถูกจับให้ประลองกับสมิงสอดน้อยแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณดี ขรัวปู่ยม เลยเสนอจะสอนวิชาดาบอาทมาตให้ เหมนั้นลังเลใจอย่างหนัก รู้ตัวดีว่าถูกส่งตัวมาเรียนหนังสือที่วัด เพราะพ่อกับแม่ไม่อยากให้ไปคลุกคลีกับพวกวิลาศ (ชาวอังกฤษ) ด้วยกลัวจะเกิดเหตุผิดพลาด และจะถูกตั้งข้อหาถึงแก่ชีวิตได้ แต่เพราะใจรักและความอยากเรียน เหมเลยยอมขัดคำสั่งพ่อกับแม่ ตกลงขอเป็นศิษย์ขรัวปู่ยมในเวลาต่อมา
ฝีมือเพลงดาบของเหมก็รุดหน้า จนเป็นที่พอใจของขรัวปู่ยมมาก แต่สถานการณ์ภายในบ้านของเหมกลับไม่ค่อยดีนัก เมื่อพระยาบริรักษ์เกิดเรื่องขัดแย้งกับ หลวงสรอรรถ ซึ่งมาเจรจาขอลดค่าระวางของให้กับเรือของกะปิตันฝรั่ง และผลจากการเจรจาครั้งนั้น ทำให้หลวงสรอรรถโกรธแค้นมาก และเลือกจะไปเข้าทางเจ้าพระยาพระคลังด้วยการนำแก้วแหวนเงินทองของมีค่าไปกำนัลแด่หลานสาวสามพี่น้องของเจ้าพระยาพระคลัง คือ ทับทิม บัว และ ลำดวน หลวงสรอรรถประทับใจในความสวยของบัว เลยคิดจะเข้าหาเจ้าพระยาพระคลังผ่านทางบัว แต่แผนการของหลวงสรอรรถกลับไม่ราบรื่นนัก เพราะบัวแอบมีใจให้เหม พ่อหนุ่มรูปงามที่เจอกันโดยบังเอิญ เหมก็ถูกหมายตาจาก คุณปิ่น มารดาของสามสาวพี่น้อง จะจับคู่ให้บัวลูกสาวคนกลาง โดยมีลำดวน ลูกสาวคนเล็กคอยลุ้นตลอด เพราะอยากมีพี่ชายรูปงามอย่างเหม
คำนำ
“ข้าคือ...ข้าแห่งบดินทร์
พ่อข้าคือ...พระยาถือน้ำพระพัทสัจจา”
คําประกาศตนของคนรักแผ่นดิน หวงแหนแผ่นดิน ก้อง กระหึ่มท้องนภา เทพยดาฟ้าดินขานรับกึกก้อง
“พ่อข้าเฝ้าสอน...อ้ายเหม ถึงเจ้าจะเป็นเศษเสี้ยวธุลีของแผ่นดิน แต่จงรู้จงจําไว้ แผ่นดินให้อะไรกับเจ้า และเจ้าเองมีความหมายเพียงใดต่อแผ่นดิน”
ใช่! จงทําตัวเป็นเศษธุลีที่มีค่าของผืนแผ่นดิน!
หากใครจะรู้ กว่า ‘อ้ายเหม’ จะยืนหยัดบนธรณีเป็น ‘หลวงสุรบดินทร์’ รับใช้แผ่นดิน
ชะตากรรมของมันพลิกผันแปรเพียงใด?
ความผิดที่ตระกูลไม่ได้ก่อ หาก ‘พ่อ’ ต้องรับเยี่ยงข้าแผ่นดิน ในศักดิ์แห่งพระยาผู้ถือน้ำ...ข้าจะรักษาแผ่นดินยิ่งกว่ารักษาชีวิต แล โทษทัณฑ์ขุนนางถือน้ำพระพัทสัจจาขัดต่อรับสั่งแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว คนเป็นถึงพระยาย่อมรู้อยู่แก่ใจ...
จักต้องริบราชบาตร ฟันเรือน...ประหารบั่นคอ!
“เจ้าเหม..พ่อเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะไม่กล้ารับมือกับสิ่งที่กําลังจะมาถึง แต่คนเราถึงแม้จะเก่งกล้าสักเพียงใด ก็ไม่อาจทนทานหาญสู้ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของโชคชะตา บางครั้งก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าสองมือคนเราจะรับไหว
เพียงแต่การเผชิญหน้ากับเรื่องอาชญาแผ่นดิน มิใช่พ่อที่ต้องรับโทษทัณฑ์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงตัวเจ้าและแม่ของเจ้าจะต้องรับชะตากรรมนี้ไปกับพ่อด้วย”
ด้วยคําสั่งของแผ่นดิน ข้าแผ่นดินผู้จงรัก...ถึงกับหมดศักดิ์สิ้นศรี คนทั้งตระกูลถูกตีตรวนขื่อคา...รักษาหัว แต่ตัวตกต้องไปเป็น ‘ตะพุ่น’ ต่ำต้อยเกี่ยวหญ้าในโรงช้าง!
นานนัก...นานจนไม่อยากนับให้ทุกข์ทรมาน กับชีวิตตะพุ่น!
หากคนดีย่อมมีดี คนหาญกล้าย่อมมีวิชาติดตัว น้อยนักที่จะรู้ว่า ‘เสดียง’ แห่งกรมช้างนอก นาม ‘อ้ายเหม’ ตะพุ่นที่แสนต้อยต่ำนี้เจนจบในวิชาอาทมาต หนึ่งในศาสตร์ลึกล้ำของตําราพิชัยสงครามที่ขาดหายไป มิใช่เชี่ยวชาญเพียงแม่ไม้เพลง หลักอันเป็นหัวใจของเพลงดาบ เฉก…
คลุมไตรภพ สยบสิงขร ย้อนฟองสมุทร
หากสามารถแตกลูกไม้เพลงรุกรับได้ดั่งใจ คล่องแคล่ว ไหลลื่นราวกับสายน้ำ ว่ากันว่า...นี่คือเพลงดาบของแผ่นดินคู่แผ่นดิน แลเมื่อเพลงดาบสองมือถูกบรรเลงถูกที่ถูกเวลา ปรากฏต้องสายตาเจ้าพระยาบดินทร์เดชา ผู้กล้าศึก
ชะตาชีวิตของ ‘อ้ายเหม’ ก็พลิกขึ้นนับแต่นั้น
เทวดาของแผ่นดินย่อมปกปักรักษาคนกล้า...คนดีของผืนแผ่นดินนั้นเสมอ!!!
ลําดวนเอยเคยตระหลบ กลิ่นอาบอบสบนาสา
นึกถึงนาฏกลิ่นบุหงา จําจากเจ้าเฝ้าถวิล
รวยรื่นคืนจันทร์จ้า พี่ปรารถนาเพียงยุพิน
ห่างไกลเพียงห่างถิ่น หวังเพียงเจ้าเฝ้าคะนึง
นับเนิ่นสิบปีในความทุกข์ระทม ไม่มีใครลืมวันคืนที่แสนสาหัส หากบางสิ่งกลับจารึกแน่นหนาในหัวใจ ‘อ้ายเหม’ ยามที่ ไม่มีแม้มือใดหยิบยื่น มือน้อยน้อยนั้นหลั่งรินดุจสายธาราฉ่ำชื่น
น้ำใจครั้งนั้น เป็นดั่ง ‘ยาใจ’ ต่อชีวิตให้ลุกขึ้นสู้
แต่ก็ไม่เคยคิดหวังว่าจะได้หวนมาพบเจ้าเช่นนี้อีกครั้ง
‘เจ้าลําดวน’ ร่างน้อย พบกันครั้งนี้…‘เสน่หาเหมือนโรคา เจอเข้าไปเหมือนไข้ป่า ชายใดตกต้องบ่วงเสน่หา เป็นได้ กระวนกระวาย แตกตื่นราวกับคลื่นทะเลถูกภูเขาถม’...ไม่ผิด อย่างคําเขาว่าเลย
หากเกิดเป็นคนกล้าหาญเฉกข้าบดินทร์
ศึกรบไม่เคยหวั่น ศึกรักไยต้องเกรง!
‘วรรณวรรธณ์’ บรรเลงเพลงรบเพลงรัก ผ่านหน้า ประวัติศาสตร์ที่คนไทยต้องจารจํา เล่าขานดั่งตํานานว่า...ครั้งหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งกระทําการเยี่ยงใด
เพื่อจักได้ชื่อว่าเกิดมาเป็น...ข้าแห่งบดินทร์!
-
รักชนก นามทอน
บรรณาธิการ บ้านสะบารัง ปัตตานี
เดือนมีนาคม ๒๕๕๕