ขี้เถ้า ขนาด 5 กิโลกรัม (เผาจากไม้)
วิธีใช้
ขี้เถ้า 1 ถ้วย ต่อ น้ำ 3 ลิตร ผสมให้เข้ากัน ทิ้งให้ตกตะกอน 1 คืน กรองน้ำเก็บไว้ใช้ อัตราการใช้ 250 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร พ่นทุก 7 วันค่ะ
ขี้เถ้านั้นมีประโยชน์มากมาย
(ไม่ใช่ตัวถ่านนะครับ)
หนึ่งในนั้นคือการนำขี้เถ้ามาปรับปรุง บำรุงดิน ขี้เถ้าดีอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร มีธาตุอาหารอะไรเป็นสำคัญ
ธาตุโพแทสเซียม (K) จากขี้เถ้า
โพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารหลักที่พืชมีความต้องการในปริมาณมาก โดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะเติมลงดินให้พืชโดยใช้ปุ๋ยเคมี แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ธาตุโพแทสเซียมสามารถจัดหามาจากไม้ที่ผ่านการเผาเป็นขี้เถ้า
ไม้ 100% สามารถเผาได้ 99.5% โดย 0.5% ที่เหลือคือแร่ธาตุที่ยังไม่สลายจากการเผา ซึ่งมีลักษณะเป็นผงแป้งสีเทา หรือที่เรียกว่า ขี้เถ้า ซึ่ง 80% ของขี้เถ้าไม่ละลายน้ำ มีเพียง 20% เท่านั้นที่ละลายน้ำได้ โดยขี้เถ้าที่ละลายน้ำได้ประกอบด้วย
- K2CO3 (โพแทสเซียมคาร์บอเนต)
- Na2CO3 (โซเดียมคาร์บอเนต)
- K2SO4 (โพแทสเซียมซัลเฟต)
องค์ประกอบหลักของขี้เถ้าคือ K2CO3 (โพแทสเซียมคาร์บอเนต) เมื่อ โพแทสเซียมคาร์บอเนตละลายในน้ำ
จะทำให้เกิด โพแทสเซียมไอออน (K+) 2 ตัว
และเกิด คาร์บอเนตไอออน (CO32-) 1 ตัว เมื่อคาร์บอเนตละลายน้ำจะทำให้เกิด ไบคาร์บอเนต (HCO3-) และ ไฮดรอกไซด์ (OH-) ซึ่งทำให้เป็นด่างหรือมี pH มากกว่า 7
บทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรที่ต้องการปรับปรุงดินที่ขาดธาตุโพแทสเซียมที่ไม่ต้องการใช้ปุ๋ยเคมี และกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตปุ๋ยหมักหากต้องการเพิ่มธาตุโพแทสเซียมอาจใช้วิธีผสมขี้เถ้าลงไปได้ ถ้าหากต้องการให้ได้โพแทสเซียมที่บริสุทธิ์มากขึ้นก็ให้นำขี้เถ้ามาละลายน้ำ กรองส่วนใสเก็บไว้ใช้
อ้างอิง: Randolph-Macon College ภาควิชา Chemistry & Art History
นอกจากนี้ ยังมีสาร ซิลิก้า ที่ช่วยให้ผนังเซลล์ของพืขแข็งแรง ต้านทานโรค ป้องกันการเกิดโรคจากเชื้อราต่างๆ และแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยต่าง มด เป็นต้น